การเจริญของลำต้นพืชในแต่ละช่วงทำให้เกิดเป็นวงปี (annual ring/tree ring)
- วงปีเกิดจากการเจริญเติบโตทุติยภูมิของเนื่อเยื่อแคมเบียมในพืชใบเลี้ยงคู่
- พบในรากและลำต้น แต่เห็นชัดในลำต้นมากกว่าในราก
- จำนวนวงก็จะมากน้อยตามอายุของต้นไม้
- ฤดูฝน แคมเบียม ว่องไวแบ่งตัวเร็ว secondary xylem จำนวนมาก เซลล์มีผนังเซลล์ค่อนข้างบาง (สีจาง)
- ฤดูแล้ง(ร้อน+หนาว) แคมเบียม เฉื่อยชาจึงแบ่งตัวช้า (หรือไม่แบ่งเลย) ได้ secondary xylem จำนวนน้อยและมีขนาดเล็กแต่มีผนังหนา (สีเข้ม)
- วงปี ใช้บอกอายุต้นไม้ ใช้บอกข้อมูลปริมาณน้ำฝนที่ตกต่อเนื่องในแต่ละรอบปีจากอดีตถึงปัจจุบันได้ ใช้บอกทิศได้
ในการสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศในอนาคต จะต้องเกิดจากการคาดคะเนข้อมูลในเชิงปริมาณน้ำฝนในอดีตเป็นเวลาหลายปี (ร้อยปี) แต่เนื่องจากการตรวจวัดปริมาณน้ำฝนของกรมอุตุินิยมวิทยาในอดีตนั้นยังขาดการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่วงระยะเวลาอันสั้น จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลตัวแทน (proxy data) อย่างการวิเคราะห์วงปีไม้ หรือเทคนิคทางด้านรุกขกาลวิทยา (Dendrochronology) โดยการเจาะเอาไส้ไม้ตัวอย่าง (sample core) ด้วยสว่านเจาะวัดความเพิ่มพูน (Increment Borer) แล้วนำมาิวิเคราะห์ผลด้วยเครื่องอ่านวงปีไม้ด้วยระบบดิจิตอลในห้องปฏิบัติการวงปีไม้และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แล้วนำผลค่าเส้นดัชนีวงปีไม้มาใช้เป็นข้อมูลตัวแทน กล่าวคือ ลายเส้นบนเนื้อไม้ในแต่ละวงนั้นเกิดจากการได้รับอิทธิพลของปริมาณน้ำฝนที่แตกต่างกันในแต่ละรอบปี สามารถที่จะบ่งบอกได้ถึงสภาพภูมิอากาศในอดีต ทั้งปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิ
ในช่วงเวลาที่กรมอุตุนิยมวิทยายังไม่ได้เริ่มจดบันทึกข้อมูล
นอกจากนี้วงปีไม้ยังสามารถช่วยบ่งบอกถึงสภาพสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในอดีตในพื้นที่ที่ต้นไม้นั้นเจริญเติบโตเพื่อให้ทราบถึงสภาพแวดล้อมในอดีตว่ามีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
วงปีไม้จึงเป็นหลักฐานหนึ่งที่ได้รับการพิสูจน์และทำการศึกษากันอย่างกว้าง
ขวางในประเทศต่าง ๆ แล้วว่ามีศักยภาพ
ในประเทศไทยเพิ่งมีการศึกษากันอย่างจริงจังและต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และพบว่าต้นไม้ที่มีศักยภาพในการศึกษาข้อมูลตัวแทนของวงปีไม้นั้น ได้แก่ ไม้สักและไม้สนสองใบ เป็นต้น
แหล่งข้อมูล
1. ขวัญชัย ดวงสถาพร และคณะ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอดีตมากกว่า
200 ปี ในท้องที่ภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยโดยสร้างจากวงปีต้นไม้.
ภาควิชาการจัดการป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
(http://rdi.ku.ac.th/kasetresearch54/GroupEnvironment/16-khwanchai_duang/template.html)
2. นาฏสุดา ภูมิจำนงค์. ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านวงปีไม้และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นครปฐม.
(http://www.en.mahidol.ac.th/TRC/index.html)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น